เป็นอีกคนที่ไม่มีใครไม่รู้จักสำหรับ “กระต่าย พรรณนิภา เขียวเพชร” นักร้อง นักแสดง และยูทูบเบอร์สาวชื่อดังชาวไทย ที่มีชื่อเสียงจากเพลงแนวลูกทุ่งอินดี้โด่งดังมากมายถึง 10 – 100 ล้านวิว
เเละเธอทำงานเป็นรองผู้จัดการแทนสามี “ไพบูลย์ แสงเดือน” ภายในร้านอาหารจ๊วดจ๊าดสตูดิโอ บริเวณที่ทำการของค่าย
ปัจจุบันใช้ชีวิตคู่กับ “ไพบูลย์ เเสงเดือน” เเละมีลูกชายน่ารักด้วยกัน 1 คน มีชื่อว่า “น้องเพลินเพลงพิณ” ก่อนหน้านี้ “กระต่าย พรรณนิภา” เคยได้ไปเปิดใจในรายการ
ซึ่งช่วงหนึ่งของรายการ “กระต่าย” เคยได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “จุดเริ่มต้นเกิดจากไปเจอกับครูไพบูลย์ ตอนนั้นเพิ่งย้ายไปเรียนที่จังหวัดเลย ซึ่งครูไพบูลย์เห็นแววและชวนว่า
“วันเสาร์นี้ไปอัดเพลงที่บ้านครูนะ” ก็เลยตัดสินใจไปอัด ตอนนั้นอายุ 13 ปี ก่อนนั้นได้ไปร้องเพลงหน้าชั้นเรียน และต่อมาได้ไปร้องหน้าเสาธง ซึ่งมีพรสวรรค์เรื่องการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
กระต่าย-ครูไพบูลย์ เล่าเส้นทางรัก เผยข้อตกลงก่อนคบขอเงินเดือนละ 5 หมื่น การคบกันกระต่ายมีข้อตกลงกับครูไพบูลย์ด้วย
กระต่าย เผยว่า ข้อตกลงของหนูตอนที่คบกันแรกคือขอตังค์เดือนละ 50,000 ได้มั้ยจะไปซื้อเสื้อผ้า อันนี้ขอนอกจากเงินเดือน บางทีเราอยากได้ถ้าใส่ไม่ได้ก็เก็บไว้ในตู้
ครูไพบูลย์ ตอบว่า มันก็ไม่ได้ เราไม่ได้มีเงินซัพพอร์ตไรขนาดนั้น แต่ตอนแรกๆ ก็หนักใจ กระต่าย ตอนแรกๆ ก็ให้อยู่ค่ะ
ครูไพบูลย์ ตึบอยู่ครับ เดือนแรกให้เลยครับ ต่อมาเริ่มไม่ให้แล้วครับ มันไม่จำเป็นแล้วนะครับ ถามครับ ผมบอกไม่จำเป็น
เขาบอกว่าใส่แล้วคนจำได้ ถ่ายรูปลงคนจำได้ เดี๋ยวเขามาแซะหนูอีกว่าใส่แต่ชุดเดิม พวกของแบรนด์เนมก็ตามโอกาส เราไม่ได้ไปซีเรียสอะไร ส่วนใหญ่น้องจะชุดร้องเพลงมากกว่า
แฟชั่น เราใส่ชุดนี้ถ่าย MV เราก็เปลี่ยนไปอีกชุดนึง ครูไพบูลย์ เสริมว่า แต่ข้อเสนอของเขาก็ได้แค่เดือนเดียว หลังจากนั้นไม่ไหวแล้ว
หนูรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น คิดมากกว่าทำ แต่ก่อนถ้าจะทำก็ทำไปเลย แต่ทุกวันนี้ก็จะคิด คิดหนักมาก ถามแม่ ถามสามี ถามคนในครอบครัวทั้งหมดว่าเราจะทำดีมั้ย เราจะทำยังไงดีเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบไปถึงเขา
สามีเผยถึงเส้นทางรักว่า เป็นความเมตตาแบบมันเห็นอกเห็นใจกัน เกิดจากความใกล้ชิดและความสงสาร บางครั้งน้อง ครอบครัวน้อง แม่ไม่สบายเขาไม่มีคนดูแลบ้าง ผมก็ต้องไปช่วยอาหยิบยื่นได้ก็เข้าไปช่วย
เพราะผมให้ใจ และให้ทุกอย่าง อย่างเรื่องเงินผมจะให้เห็นเป็นอันดับแรกเลยว่า คุณแม่ครับวันนี้เราได้เท่านี้นะครับ แล้วผมแบ่งน้องเท่านี้ ค่าใช้จ่ายผมทุกเดือนเท่านี้นะครับ เราชัดเจน แล้วแม่รู้สึกว่าเราเคลียร์เลยไว้ใจเรา
เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้น ผมก็บอกว่าครอบครัวผมมีแค่นี้นะ มีพี่ชาย มีแม่ เพราะว่าคุณพ่อผมก็เสียนานแล้ว เราเกิดมาจากความยากจน เราเลยเห็นอกเห็นใจกัน ผมเลยวางแผนว่าถ้าเราไปซื้อบ้านใกล้ๆ กัน น้องก็ได้ทำงาน เริ่มไปหาคุณแม่แล้วช่วงปี 63